Skip to main content

สู้กับเขา ตัวต้องเบาไว้ก่อน

สวัสดีครับ

มาล้อมวงชวนคุย สำหรับชาวเทรลตัวหนัก(จะมีบ้างมั้ย) ปีนเขาช้า(มีน้อยลงไปอีก)

ขอเกริ่นนิดนึง

ผมวิ่งเทรลมาเกือบสามปี และเคยวิ่งรายการถนนแค่ครั้งเดียว

ผมจัดตัวเองอยู่ในสายเทรลทัวริ่งครับ

ถ้าภาษาทั่วไป จะบอกว่าสายกาก ก็ไม่ได้ผิดความหมายสักเท่าไหร่ ^^;

แต่ใจรักวิ่งเทรลครับ เค้ามีจัดที่ไหน ก็อยากไปมันทั้งนั้น

แต่ผมเริ่มพบว่า ประมาณปีครึ่งที่ผ่านมา รายกายวิ่งเทรลเริ่มยกระดับขึ้น

ที่ว่ายกขึ้น คือยกระดับความสูงครับ จะสูงไปไหนหนิ 55

แต่ชอบครับ ยิ่งสูงยิ่งชอบ

ทีนี้ปัญหาเริ่มมาละ - -;

ด้วยความตัวหนัก มันขึ้นเขาช้ากว่าชาวบ้านครับ

ผมเน้นว่าตัวหนัก เพราะเอาเข้าจริงๆ ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องอ้วนสักเท่าไหร่

ขึ้นเขาทีไร มีต้นไม้เกาะต้นไม้ มีหินเกาะหิน พักไปตลอดทาง

(นึกภาพรถบรรทุกเวลาขึ้นเขา แบบนั้นล่ะครับ)

จากเคยหนีคัทออฟในทางราบที่ไม่ยากนัก ต้องมาหนีคัทออฟทางชัน ซึ่งเป็นเรื่องยาก

สวีปเปอร์หลายค่ายก็เริ่มคุ้นหน้าคุ้นตาผมขึ้นเรื่อยๆ

แถมปีกว่าๆที่ผ่านมา มีอาการบาดเจ็บข้อเท้าบริเวณแนวเดียวกะ Peroneal (ผมไม่ได้ไปหาหมอนะครับ แค่รู้ว่าเจ็บในแนวนั้นเท่านั้น ) แล้วก็ไม่หายซะที ซ้อมวิ่งก็ไม่ได้ น้ำหนักก็เริ่มไต่ขึ้นเรื่อยๆ

ปัญหามา ก็ต้องแก้กันไปเนาะ

ผมบอกกับตัวเองว่า ถ้าอยากสนุกกับการวิ่ง ควรไต่ให้ง่ายกว่านี้

ผมตั้งเป็น key of success ของผมเลยว่า น้ำหนักนี่ละ key สำคัญ

หลายท่านอาจจะ วิ่ง เพื่อลดน้ำหนัก

แต่ผม….กำลังจะ #ลดน้ำหนักเพื่อวิ่ง

จริงๆ peak สุดเมื่อปลายมีนาคือ 95 kg ครับ

ตอนจะเริ่มก็ดูสภาพตัวเองก่อน

ผมกำลังจะ 47 รุ่นนี้ แค่หายใจเข้าก็อ้วนแล้ว

อายุขนาดนี้ มันมีใครลดน้ำหนักได้เยอะๆในเวลาไม่นานบ้างไหม

บอกตรงๆ ไม่ค่อยเห็น!!

เว้นคนที่ป่วยหนักๆ - -;

อีกเงื่อนไขนึงคือ ผมซ้อมวิ่งแทบไม่ได้ ข้อเท้าเจ็บหนักขึ้นเรื่อยๆ

ต้นมิย. ผมต้องใส่เฝือกข้อเท้า เพราะดันเอาคราดเหล็กหวี่ยงเล่น แล้วมันมาปักส้นเท้าตัวเอง จบเลยวันนั้น รู้สึกเหมือนเสียชีวิต เพราะต้องเทหลวงพะเยาแน่นอน

ทำไงดีๆๆๆๆ

ผมเริ่มด้วยเข้าฟิตเนสครับ เวทช่วงไหล่กะลำตัว ประมาณเดือนนึง

หลังจากนั้น ผมงดน้ำหวานทุกชนิด และงดมื้อเย็น

งดน้ำหวาน

สัปดาห์แรกนี่ปวดหัวเลยครับ ผมเป็นคนที่กินโค้กหนักๆ วันละเกือบสองลิตร ทุกวัน

ผมไม่แค่แยกโค้กกับเป๊ปซี่ออก

ผมยังแยกโค้กที่ผลิตโดยไทยน้ำทิพย์ กับโค้กที่ผลิตโดยหาดทิพย์ได้ แฟนพันธุ์แท้นะขอบอก

จากโค้ก สู่ น้ำเปล่า ไม่ง่ายเลย
แต่จนวันนี้ สามเดือนเต็มละครับ กินเล่นบ้างแค่สามสี่กระป๋อ

งดมื้อเย็น
วิธีนี้ อาจไม่ค่อยดีนัก แต่ ผมเตรียมร่างกายให้แข็งแรงขึ้น ให้พร้อมรับมือมาเป็นเดือน

งดอาหาร ร่างกายจะสะสมไขมัน!!!

ครับ ข้อมูลนี้ก็รับรู้มาเช่นกัน

ดังนั้น ในเวลาที่ควรเป็นมื้อเย็น ผมเลือกทำหนึ่งในสามสิ่ง
เวท ขี่จักรยาน หรือฝึกอาสนะ

เพื่อจะบอกร่างกายว่า อย่าสะสมมั่วซั่ว เอามาใช้งานตรงนี้ก่อน

นั่นคือสิ่งที่ทดลองทำครับ

บุฟเฟต์ที่กินประจำ งดครับ!!!

ข้าว กินครั้งละถ้วยเล็กๆถ้วยเดียว และห้ามเติมเด็ดขาด

ส่วนกับข้าว ยังไม่เคยจำกัดใดๆ กินตามปกติ เท่าที่มีขายทั่วไป

ระหว่างนั้น ผมก็ไป dnf ที่งาน cm6 ^^;

แต่ผมพบว่า การที่เวทช่วงบนมา ทำให้ไปได้ไกลถึง 35 k สามารถผ่านดอยปุยด่านแรกไปได้ แต่ข้อเท้ายังตึงเปรี๊ยะนะ

เดือนสิงหา
ไม่ซ้อมวิ่งเลย กลั้นใจพัก
เหยียดยืดข้อเท้า และแช่น้ำร้อน เช้า-เย็น บางวันสามเวลา

ต้นกันยา

ผมเริ่มทดลองเดินเร็วๆก้าวสั้นๆ ตั้งเงื่อนไขว่า ข้อเท้าตึง หยุดทันที

ได้สองรอบสวนเบญฯ หน้าศูนย์สิริกิติ์ ข้อเท้าเริ่มตึง หยุดทันที ผมใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงครับ ถ้าใครเคยวิ่งจะรู้ว่าทางมันสั้นนิดเดียว

และค่อยๆเพิ่มระยะขึ้นมา เท่าที่ร่างกายอนุญาต

ตอนวิ่ง ใครจะแซง แซงไป

พูดกับตัวเองทุกวันครับ

เวลาซ้อมวิ่ง

อย่า ถ้าอยากจะกลับไปวิ่ง อย่าทำเกินลิมิตตัวเอง!!!

เวลามื้อเย็น

หิวเมื่อไหร่ เวท ขี่จักรยานในฟิตเนส
หิวเมื่อไหร่ ฝึกอาสนะ

ถ้าไม่หิว ไม่อยาก วันนั้นอนุญาตให้ตัวเองพักสบายๆ

เวลาหิวมาก จะถามตัวเองว่า อยาก หรือหิว แล้วอาการหิว คืออะไร ปวดท้องมั้ย จะเป็นลมมั้ย ก็ไม่เคยนะ

ผมค่อนข้างโชคดีที่รอดมาได้โดยไม่มีอาการโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน

สองเดือนที่ผ่านมา ข้อเท้าผมอยู่รอดปลอดภัยมาตลอด
ปัจจุบันสามารถซ้อมระยะ 10km ใช้เวลาประมาณ 1:05-1:20 ชั่วโมง

น้ำหนักลดลงมาตามภาพ

กราฟนี่เพิ่งบันทึกน้ำหนัก 70 วันที่ผ่านมา บันทึกทุกเช้าครับ

(ที่ดีดขึ้นอันสุดท้ายนั่น คือตัดสินใจกินให้เยอะขึ้น เพราะอยากรู้ว่า..ยังควบคุมทุกอย่างได้อยู่แน่ๆมั้ย)

Trend น้ำหนักยึกยือ
ใช้เวลาเจ็ดสิบวันลงมาจาก 88 สู่ 81

ความเสี่ยงในการบาดเจ็บเนื่องจากน้ำหนักตัวเอง ผมเชื่อว่าลดลงมากกกกกก

ในภาพ
ตอนใส่ชุดเขียว ผมเข้าเป็นคนสุดท้ายของดอยช้างเทรล เมื่อต้นปี

เสื้อน้ำเงิน คือ cm6 ต้นสิงหาที่ผ่านมา
เนี่ย ตัวหนักอึ้งเลย ผมว่าผมก็ไม่ได้อ้วนมากนะ 55

แต่ UTCR 38k ที่ผ่านมา จากเคยเข้ารั้งท้ายสุดมาทุกรายการมา ผมขยับมาอยู่ตรงกลาง ได้ที่147 จาก 380

ซึ่ง ยกเครดิตให้น้ำหนักที่หายไป ซึ่งเท่ากับสองถังน้ำหูหิ้วหกลิตร

ล่าสุด ภาพขวาสุด น้ำหนักเมื่อเช้า 81.5

และ สิ่งที่นึกไม่ถึงอีกเรื่อง อันเนื่องมาจากการคุมอาหารเป็นหลัก

คือความดันที่ทำท่าจะขยับขึ้นตามวัย ที่เค้าฮิตๆกัน กลับลงมาเป็นปกติ จะว่าไป อาจจะดีกว่าตอนวัยรุ่นด้วยซ้ำ

ทุกสิ่งที่ทำมา จริงๆแล้วเพื่อจะให้ประสบความสำเร็จที่โป่งแยง อีก 5 วันข้างหน้า

แต่มองกลับไปตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้

เหมือนเข้าเส้นชัยแล้ว ยังไงก็ไม่รู้

ผลโป่งแยงจะเป็นยังไงผมไม่รู้หรอก อาจ dnf ก็ได้

แต่ผมคงวิ่งสนุกอย่างที่ผมอยากได้แน่ๆ

ขอบคุณที่ตามมาจนถึงตรงนี้ครับ

สรุปนิดนึง

ไม่ได้เล่าเพื่อให้ทำตามนะครับ

ถ้าชวนทำตาม ก็คงเรื่อง

-พิจารณาปัญหาของตัวเองให้ชัด

-วิเคราะห์สภาพตัวเอง อย่างไม่มี bias

-วางแผน

-มีวินัย

-ตรวจสอบสิ่งที่ทำเป็นระยะ

-ทุกปัญหาจะนำเราไปสู่ทางออกเสมอ

(ถ้าเราไม่ตายไปซะก่อน ^^ )

หมายเหตุ:: ผมเล่นกีฬาอย่างอื่นมาก่อนเริ่มวิ่งครับ ผมทนแดดร้อนได้เป็นวันๆ ผมแค่วิ่งช้าเท่านั้นเอง ^^


Comments

Popular posts from this blog

Gain กับ การเลือกเทรล

เกนๆๆ พูดอะไรกัน?!! #เทรลทัวริ่ง ชวนคุย สำหรับมือใหม่ที่มาจากทางเร ียบ เนื่องจาก ฤดูกาลรับสมัครแย่งชิงตัวนั กวิ่งเทรลกำลังเริ่มขึ้น (เข้าใจว่า จริงๆเริ่มแล้ว) นอกจากเรื่องค่าสมัครแล้ว ;p ข้อมูลนึงที่นักวิ่งควรจะนำ มาพิจารณาประกอบสมัคร คือ ค่า gain นี่ล่ะ ก็ขนาด i-tra ยังเอามาเป็น index ของระดับคะแนนเลยว่า.. ระยะทาง + (gain/100) คือตัวเลขที่นำมาพิจารณาให้ คะแนนของ race นั้นๆ บางท่านก็อาจฟันธงเลย “นี่ล่ะ ค่าความเหนื่อย” เช่น ระยะ 77 km gain 4000 = 77+ (4000/100) = 117 อ๋อออออ เหนื่อยพอๆกะวิ่ง 117 กิโลเมตร จะเอามาใช้แบบนี้ก็ไม่ผิดอะ ไร แต่อาจไม่ตรงความหมายเดิมเป ๊ะๆเท่านั้นเอง ลองดูตัวอย่างจากภาพครับ Note:: ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกั บผู้จัด cm6 นะครับ แจงไว้ก่อน แถมเอาภาพมานี่ก็ไม่ได้ขออน ุญาต แฮร่!! ดูภาพๆ จาก จุดสตาร์ท ไป hq1 เอาความสูงทั้งสองจุด จับมาลบกัน 1350 - 331 = 1019 Gain ช่วงนี่คือ 1019 เมตรครับ นับแบบนี้เลยรึ?!! ครับ นับประมาณๆเอา เพราะทางขึ้นช่วงนี้ แทบไม่มีทางลงเลย(มีบ้างล่ะ แต่ไม่เป็นนัยะ) ทีนี้ดูระยะทางนะครับ 10 km ...

สูงและชัน 102 Elevation gain

จาก สูงและชัน 101 เราคุยกันเรื่อง ความสูง และความชันเบื้องต้นกันไปแล้ว คราวนี้เรามาคุยกันสั้นๆ เรื่อง.... Elevation gain ความสูงสะสมรวมของทั้งเรซ มาดูกัน ว่า"สะสม"กันแบบไหน ดูภาพกันเลย รายการวิ่ง ปาโจเทรล(นามสมมุติ) ระยะ 40 กิโลเมตร ยอดเขายอดที่สูงที่สุด สูง 1500 เมตร เทียบกับจุดสตาร์ท เรซนี้นี้ มีค่าเกน 2000 เมตรครับ นับยังไง? ภูเขาลูกแรก  ไต่ขึ้นสูง 1000 เมตร  ไต่ถึงยอดแล้ว ทดไว้ในใจ ^^ ตอน down hill  ระวังดีๆ อย่าสะดุดรากไม้ เดี๋ยวไอที่ทดไว้หาย ขึ้นลูกที่สอง ไต่ขึ้นอีก 1000 เมตร เอามารวมกับที่ทดไว้ในใจ 1000+1000 ครับ นับแต่เฉพาะความสูงที่เราต้องไต่ขึ้น มารวมๆกัน ความสูงที่สะสมทั้งหมด รวมกันได้ 2000 เมตร ด้วยวิธีคิดแบบนี้ เราจึงเรียกว่า Elevation gain ความสูงสะสม สรุปแบบพูดสั้นๆ ไทยสไตล์ ปาโจเทรล 40k gain 2000 m คราวนี้มาดูอีกเรซ ทรายขาวเทรล(นามสมมุติเช่นกัน ^^) ทรายขาวเทรล 40k เช่นกัน ดูออกไหมครับ ว่า เกน เท่าไร ขึ้นเขา 4 ครั้ง ครั้งละ 500 เมตร ครับ!!! ทรายขาวเทรล 40k   เกน ก็ 2000 เมตรเช่นกัน ...

สูงและชัน 101

มีเวลาว่างมาก เพราะไม่ได้เล่น fb แล้ว :p ขอจัดเต็มกะไอเรื่องนี้สักที  เอาให้จบๆไป นอกจากนักวิ่งสายเทรล  ผมเชื่อว่ามีประโยชน์กับเด็กที่กำลังเรียนเลขด้วย ม่ะ  ถ้าว่าง ก็ตามมา อ้อ เลเวล ระดับเริ่มต้นนะครับ  แบบพื้นฐานกันสุดๆ ดูภาพนะครับ ณ เทือกเขา ABC  ที่มีจุดสูงสุด ทียอด B ขอตั้งชื่อดีกว่า  ณ เทือกเขาบูโด การข้ามเขา จาก จุดA ไปถึง จุดC  โดยการปีนขึ้นยอด แล้วไหลลง gps บนนาฬิกาเรา จะบอกว่า เป็นระยะทาง 60 กิโลเมตร  มันจับระยะตามแนวตรงจาก a ถึง c เลย แม้จริงๆเราจะขึ้นไปตามแนวเอียง และลงมาตามแนวราบ ซึ่งเห็นอยู่ชัดๆ ว่า ไม่น่าใช่ 60 กิโลเมตร ต้องมากกว่าแน่ๆ แต่ นาฬิกาเรา มันจะยืนยันว่า 60 เอ้า งี้วิ่งจริง ก็ไกลกว่าที่ gps บอกสิ?!! แหงครับ  แน่นอนครับ ชัวร์ เรื่องแรกที่ต้องรู้เลย..คือ เวลาวิ่งเทรลขึ้นเขา  เราจะวิ่ง"ไกลกว่า"ระยะที่นาฬิกาบนข้อมือบอกเรา แต่  อย่าตกใจครับ เราไม่รู้หรอก 55 นาฬิกามันบอกก็เชื่อๆมันไปเถอะ ^^ จริงๆ ที่บอกว่าอย่าตกใจ เพระ ความคลาดเคลื่อนมันนิดเดียวครับ รายการเทรลในเมืองไทย...