100 km
ระยะทางขนาดนี้ เพื่อนรุ่นเดียวกันได้ยินแล้วส่ายหน้า รำพึงดังๆให้ได้ยิน “เมิงบ้าป่ะ”
ถ้าเพื่อนมาเห็นจำนวนคนตรงจุดสตาร์ท เพื่อนคงเติมคำถามไปอีกนิดนึง
“เมิงบ้าป่ะ ไปวิ่งกะเค้า ดูแล้วมีแต่คนแข็งแรงๆ นักวิ่งทั้งนั้น”
- -; จริงๆอันนี้ ถามตัวเองเลย
แล้วสี่ร้อยกว่าคนนี่นะ คนละ 100 km เอามาต่อกัน ยาวกว่าระยะทางรอบโลกหนึ่งรอบตรงแนวเส้นศูนย์สูตรอีกนะครับนั่น
เทรลสายทัวริ่ง ล้อมวงเข้ามาครับ ผมแอบปะปนไปกับชาวอัลตร้า เก็บเรื่องราวมาเล่าให้ฟัง
Pong Yaeng trail ที่ไม่ใช่ เปียงยางเทรล
เมื่อปี 2015
ผมเข้าร่วมสนุกครั้งแรก 30k
สนุกมาก ม่อนล่องวิวสวยมาก ขากลับขึ้น finish line เลวร้ายมาก 55 จอดพักทุกโค้ง ขาสั่นไปหมด
2016
ด้วยความอยากเห็นวิวมากกว่าเดิม ลง 100k ซะเลย
แต่..ปี 2016 เป็นปีที่ผมเจ็บเนื้อเจ็บตัวต่อเนื่องยาวนาน
เจ็บมั่วซั่ว เจ็บจนซ้อมวิ่งไม่ได้ ถึงขนาดปลายปี กระดูกนิ้วมือหักจากตะนาวศรีเทรลเป็นการทิ้งท้าย
แน่นอนครับ pyt100 DNF ตั้งแต่ A3
(ตอนลงจาก A2 ไป A3 คิดเล่นๆตั้งแต่ตอนนั้นว่า ถ้าให้สวนขึ้นมานี่ มีตายนะ)
ตราประทับ มีแค่ A1 A2 และ เซ็นที่ A3 ไว้สวยงาม
DNF
ตอน dnf ที่วัด a3
(วัดชื่อไรยังจำไม่ได้ เรียกวัด a3 ไปก่อน ^^; )
จำได้ว่ายอมแล้ว สังขารมีแค่นั้น
แต่พอนั่งรถ vip กลับมาที่สวนนี่สิ
กลุ่ม dnf ไปนั่งจุมปุ๊กกันเงียบๆอยู่หลังเต๊นท์ รอเพื่อน
จะเดินเฉิดฉาย ก็เขินนิดนึงอะนะ
บรรยากาศการเข้าเส้นชัยของโป่งแยงเทรลนี่มันส์มาก เร้าใจมาก ให้เกียรติคนวิ่งมาก รับนักวิ่งกันสนุกสนาน
เป็นอีกเรื่องที่น่าประทับใจของงานนี้
แต่...
แก็งค์ dnf ก็เริ่มน้ำตาซึม เริ่มเจ็บใจตัวเอง เจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ได้แค่นั่งอยู่ตรงนั้น ปรบมือให้คนที่เข้ามา อยู่ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานสำหรับ finisherแบบนั้น
และต้องรอไปจนปีหน้า...
วันต่อมา
มารับ drop bag คราวนี้หนักหนาสาหัสไปกว่าเดิม เมื่อทั้งงาน คนเดินทั่วงานเกือบทุกคนใส่เสื้อ finisher สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข
>___<~
ฮึ่มม!! ฝากไว้ก่อนตึ๋ง!!!
(ตึ๋งนี่ ไม่รู้ใคร แต่ฝากไว้ ปีหน้าจะมาใหม่)
กลับบ้านไปพร้อมร่องรอยในใจ T___T
2017
ครึ่งปีผ่านไป เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ข้อเท้าที่ว่าพังๆ อักเสบหนักกว่าเดิม
CM6 ระยะ 70k ที่วางไว้เพื่อวอร์มอัพร่างกายก่อนโป่งแยง ก็พังพินาศไปตามระเบียบ
**คำเตือน
ใครคิดจะให้ cm6 เป็นตัววอร์มอัพก่อนโป่งแยง ให้เลิกความคิดซะ!!
CM6 หนักหนากว่าโป่งแยงครับ
เหลือสามเดือน เอาแล้วตรู
ตัดใจ...หยุดซ้อมวิ่งหนึ่งเดือนเต็ม เพื่อให้ข้อเท้าฟื้นฟู
ระหว่างนั้น ออกกำลังแบบอื่นไปก่อน
ขณะเดียวกัน ผมก็รีดน้ำหนักตัวเองออกไปเกือบ 12 kg ในสามเดือน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไขมันแหละ ถ้าเป็นกล้ามเนื้อ จะเอาออกทำไมเนาะ ^^
2 พย.
มาถึงเชียงใหม่ ดิ่งไป เบสแค้มป์ ตามคำแนะนำของ dr.sport (ผมว่าสองร้านนี้น่ารักมาก โทรไปถามร้านนึง บอกของไม่มี แนะให้ไปหาอีกร้านนึง) เพื่อตามหาเป้น้ำตัวใหม่
เจ้าของร้าน ดูเหมือนจะชื่อคุณเค้ก น่ารักมากมาย “ลุงอยากเลือกอะไรลุงเลือกไป เอาให้พอใจ “ มีคำแนะนำให้เยอะแยะ เพราะเธอจบ 100k มาแล้ว ^^;
ได้เป้น้ำปั้บ ผมเดินขึ้นดอยสุเทพเลย ลองบรรยากาศหน่อย ว่าเป็นไงบ้าง ทั้งกล้ามเนื้อ และการหายใจ
Gain 700กว่านะนั่น ok ร่างกายพร้อมดี
4 พย
เช้ามืด อากาศเย็น จอดรถบนยอดนู่นนนน
เอาอีกแล้ว ต้องวิ่งลงจากที่จอดรถอีกแล้ว
ต้องวิ่งกลับขึ้นมาจุดสตาร์ทอีกแล้ว -”-
คนเยอะมากกกกกกกก ผมก็ตามฟอร์ม ไปอยู่ท้ายสุด ตั้งร้อยโล ผมไม่รีบ 55
สตาร์ทปุ๊ป วิ่งลงทันที
อย่าๆ อย่ามาหลอกกัน ผมรู้ไต๋ละ เดี๋ยวก็กลับมาที่เดิม
ลงไปเพื่อ!!!
อ๋อ คงอยากวอร์มอัพให้เรา - -;
จากนั้น... เริ่มเข้าทางเทรล
ไฮไลท์ของ PYT100 คงอยู่ที่ดอยปุยนี่ล่ะ
ผมก็วางดอยปุยไว้เป็นที่หมายแรก
ปรับนาฬิกาเป็นบอกความสูง ผมไม่ดูระยะทางเลย
มาสู้กับความสูงล้วนๆ
อีก 500m เอง (แนวตั้งนะ)
400m
300m
เอ้า ถึงขุนช่างเคี่ยน
ระยะ กิโลนิดๆ แต่สูง 300 กว่า
ความชัน 30% นะนั่น - -; โชคดีที่เจอตั้งแต่เริ่ม
CM6 เคยขึ้นมารอบนึงแล้ว ป่ะ ขึ้นอีกรอบ
ไถๆๆๆขึ้นไปเรื่อยๆ
คราวนี้มาเวอร์ชันตัวเบากว่าคราวที่แล้ว อ๊ะ ขึ้นง่ายกว่าเดิม เยอะมากกกก
สี่ชั่วโมงสี่สิบ ผมถึงยอดดอยปุย เป็นเวลาที่ดีกว่าที่ตัวเองกะไว้
แต่ ...น้องที่วิ่ง ระยะ 44 k วิ่งแซงและทักทาย
เย่ย น้องเค้ามาตรงนี้แค่สามชั่วโมงกว่า - -;
ลงไป A9
ของกินเพียบ ผมตัดสินใจกินข้าวไปสองคำ และออกเดินทางต่อ
เหมือนเป็นความผิดพลาดกว่าจะถึง A7 ที่มีข้าวให้กิน มันหิวมากกกกก แทบหมดแรง
เหมือนเป็นความผิดพลาดกว่าจะถึง A7 ที่มีข้าวให้กิน มันหิวมากกกกก แทบหมดแรง
พอถึง A7
ที่ระยะ 43.7k มีข้าว มี drop bag มีเปลี่ยนชุด มีโค้กที่น้องนักวิ่ง bib10521 ให้มา ขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ครับ
นั่งไปนั่งมา เกือบชั่วโมง อันนี้ถือเป็นความผิดพลาด เพราะตั้งใจว่าจะอยู่ไม่เกินครึ่งชั่วโมง
แต่ ผมเข้ามาก่อน cut-off 3 ชั่วโมง!!
บร๊ะเจ้า นี่อะไรเข้าสิงผมป่าว ^^
ไอที่ซ้อมมายาวนาน ส่งผลบ้างล่ะวะ \(^___^)/
จาก A7 ไป A6 ระยะเริ่มเข้าสู่ดินแดนของอัลตร้า
แถมเป็นทางขึ้น ช่วงนี้คนเริ่มกระจัดกระจาย หลายคนเริ่มเดินคนเดียว หลายทีมยังแพ็คกันเหนียวแน่น
อากาศเริ่มเย็นลง
ผมเริ่มปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ
อ่าว ชิหายแระ ทนไปก่อนๆ
ไปสักพัก เอ๊ะ! เส้นทางหน้าตาคุ้นๆ อ้อตรงนี้ทับกับ cm6
นั่งไปนั่งมา เกือบชั่วโมง อันนี้ถือเป็นความผิดพลาด เพราะตั้งใจว่าจะอยู่ไม่เกินครึ่งชั่วโมง
แต่ ผมเข้ามาก่อน cut-off 3 ชั่วโมง!!
บร๊ะเจ้า นี่อะไรเข้าสิงผมป่าว ^^
ไอที่ซ้อมมายาวนาน ส่งผลบ้างล่ะวะ \(^___^)/
จาก A7 ไป A6 ระยะเริ่มเข้าสู่ดินแดนของอัลตร้า
แถมเป็นทางขึ้น ช่วงนี้คนเริ่มกระจัดกระจาย หลายคนเริ่มเดินคนเดียว หลายทีมยังแพ็คกันเหนียวแน่น
อากาศเริ่มเย็นลง
ผมเริ่มปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ
อ่าว ชิหายแระ ทนไปก่อนๆ
ไปสักพัก เอ๊ะ! เส้นทางหน้าตาคุ้นๆ อ้อตรงนี้ทับกับ cm6
ขึ้น A6 ผานกกก
ห้องน้ำสิ ห้องน้ำ จัดไป สบายตัวกันไป
แถมจุดนี้ มะขามแช่อิ่ม อร่อยมั่กๆ
A6 ไป A5 ระยะทางตรงนี้ ใกล้นิดเดียว แต่มันเลยจากระยะที่เคยทำได้ ผมเคยลงไกลสุดคือ 50km
ทุกสิ่งจากนี้ไป จะเป็นประสบการณ์ใหม่ละ
ผมเดินขึ้นเขาอย่างระมัดระวังตัว ทางมันก็ชันได้สุดทรีนมาก แสงสุดท้ายบนนี้พอดี ขึ้นถึงยอด ฟ้ามืดสนิท
ช่วงขาลง เป็นช่วงที่ผมอยู่คนเดียวในป่า หน้าไม่มีไฟ หลังไม่เห็นแสง
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ดี ชอบ เพราะอยากลองกำลังใจตัวเองมานานละ ^^
ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นครับ ที่ต้องระวัง แค่เช็คเส้นทางว่ายังอยู่ในเส้นทางแค่นั้นพอ
และ บอกตรงๆ ตอนนั้น ถ้ามีอะไร ผมสู้ตาย
อย่ามาขวาง!!! คนจะจบร้อย 55
พอถึงทางถนน เริ่มหิวข้าวอีกละ ทางที่ควรวิ่งลง ตรูเดิน
มีนักวิ่งแซงผมไปสักยี่สิบคนได้มั้ง
น้อง nico สาว vff ขาแรง วิ่งแซงพร้อมเรียก “ลุงเบนซ์ วิ่งตามหนูมา”
แถมจุดนี้ มะขามแช่อิ่ม อร่อยมั่กๆ
A6 ไป A5 ระยะทางตรงนี้ ใกล้นิดเดียว แต่มันเลยจากระยะที่เคยทำได้ ผมเคยลงไกลสุดคือ 50km
ทุกสิ่งจากนี้ไป จะเป็นประสบการณ์ใหม่ละ
ผมเดินขึ้นเขาอย่างระมัดระวังตัว ทางมันก็ชันได้สุดทรีนมาก แสงสุดท้ายบนนี้พอดี ขึ้นถึงยอด ฟ้ามืดสนิท
ช่วงขาลง เป็นช่วงที่ผมอยู่คนเดียวในป่า หน้าไม่มีไฟ หลังไม่เห็นแสง
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ดี ชอบ เพราะอยากลองกำลังใจตัวเองมานานละ ^^
ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นครับ ที่ต้องระวัง แค่เช็คเส้นทางว่ายังอยู่ในเส้นทางแค่นั้นพอ
และ บอกตรงๆ ตอนนั้น ถ้ามีอะไร ผมสู้ตาย
อย่ามาขวาง!!! คนจะจบร้อย 55
พอถึงทางถนน เริ่มหิวข้าวอีกละ ทางที่ควรวิ่งลง ตรูเดิน
มีนักวิ่งแซงผมไปสักยี่สิบคนได้มั้ง
น้อง nico สาว vff ขาแรง วิ่งแซงพร้อมเรียก “ลุงเบนซ์ วิ่งตามหนูมา”
วิ่งบ่ไหวแล้วลูกเอ้ย ลุงหิวววววว
ก่อนเข้า A5 แวะร้านค้า หาน้ำอัดลม ได้แฟนต้าน้ำเขียวมา
แต่พอเข้า A5 แฟนต้าน้ำเขียวขวดลิตรครึ่งวางรออยู่
เอ่า - -;
จาก A5 ไป ผมเริ่มแยกออกชัดเจน ว่าเหล่าอัลตร้ากับผม ต่างกันยังไง
เหล่าอัลตร้าทั้งหลาย เจอทางราบ หรือทางลง เค้าวิ่งเหยาะๆไปได้อีก แม้ระยะจะเกิน 60km มาแล้ว
ส่วนผมทำได้แค่เดินให้เหมือนจะหน้าทิ่มไปข้างหน้า ให้เร็วกว่าเดินปกตินิดนึง แค่นั้นเอง
ถึงเวลานี้ สิ่งรบกวนมีสองสิ่ง
หนึ่งคือ ถนนซีเมนต์ แข็งเหลือเกิน สองคือลมเริ่มแรงขึ้น
แต่ พระจันทร์สว่างแสบตาครับ ปิดไฟเดินยังได้
แต่ พระจันทร์สว่างแสบตาครับ ปิดไฟเดินยังได้
ตอนนี้ผมไม่รีบละ ระวังทุกสิ่ง ไม่ให้หายใจหอบ ไม่ให้ข้อเท้าพลิก ไม่ให้หิวจัด
ตีหนึ่ง ไปถึง A3 ตามที่กะไว้เมื่อตอนออกจาก A4
วัด A3 ผมกลับมาแล้ววววว
เริ่มง่วงล่ะครับ ไม่ไหวละ ขอเอนสัก 15 นาที
แต่….ไม่หลับครับ เพราะกลัวไม่ตื่น
ข้าวต้มที่นี่อร่อยมาก สต๊าฟทุกคนดูแข็งแรง รับนักวิ่งที่ทะยอยเข้ามา
ออกจาก A3 ตีหนึ่งครึ่ง ด้วยความง่วง ผมกะว่า ไอ 6 โลนิดๆ คงใช้สักสองชั่วโมง
เป็นแบบนั้นจริงๆ
ง่วงแล้วต้องไต่ขึ้นนี่ ยากกว่าหิวอีก เป็นการไต่ขึ้นที่ผมหยุดพักบ่อยที่สุด เป็นช่วงหัวใจเต้นแรงที่สุด
ผมพยายามเซฟตัวเองให้มากที่สุดด้วยการพักบ่อยขึ้น
แอบคิดเล่นๆ ว่าถ้าแวะหลับโคนต้นไม้ นักวิ่งที่แซงมาจะเห็นแล้วเป็นไงมั่ง ^^;
ขึ้นถึงยอด ลมโคตรแรง หนาวยะเยือกล่ะครับ
แถมสังกะสีที่เป็นหลังคาเพิง กระพือน่ากลัวมาก นึกถึงหนังสยองขวัญกันเลย ถ้ามันหลุดบินมาใส่นี่ ตรูจะหลบยังไง? รึต้องเอาคอรับไปเลย จะได้จบๆไปซะที -”-
A2 ม่อนวิวงาม
ตีสามครึ่ง ยังไงก็รอดละ ถ้าไม่กลิ้งตกเขาไปซะก่อน
ออกมาตอนเกือบตีสี่
เทรคกิ้งโพล ที่ผมแบกมาเพื่อใช้เป็นไม้กันหมา ไม่เคยหยิบมาใช้ตลอด 23 ชั่วโมง ถูกสะบัดออกมา
มันต้องช่วยผมแล้ว
ไม่ได้ช่วยเรื่องเดินขึ้น
แต่ช่วยไม่ให้ผมยวบลงไปเพราะหลับใน!!
ครับ เดินไปหลับไปเลยล่ะช่วงนี้ เซลงข้างทางด้วย
เดินขึ้นม่อนล่องสักพัก มีน้องเอ๊ะจ้ำตามมา
“พี่ ผมเผลอหลับไปสองชั่วโมง เพื่อนหนีไปหมดแล้ว”
เอิ่ม พูดงี้ เอาไม้โพลทิ่มหน้าลุงเลยดีกว่ามั้ย นี่ง่วงจะตายอยู่แล้ว มาพูดให้อิจฉาอีก >___<
ออกมาตอนเกือบตีสี่
เทรคกิ้งโพล ที่ผมแบกมาเพื่อใช้เป็นไม้กันหมา ไม่เคยหยิบมาใช้ตลอด 23 ชั่วโมง ถูกสะบัดออกมา
มันต้องช่วยผมแล้ว
ไม่ได้ช่วยเรื่องเดินขึ้น
แต่ช่วยไม่ให้ผมยวบลงไปเพราะหลับใน!!
ครับ เดินไปหลับไปเลยล่ะช่วงนี้ เซลงข้างทางด้วย
เดินขึ้นม่อนล่องสักพัก มีน้องเอ๊ะจ้ำตามมา
“พี่ ผมเผลอหลับไปสองชั่วโมง เพื่อนหนีไปหมดแล้ว”
เอิ่ม พูดงี้ เอาไม้โพลทิ่มหน้าลุงเลยดีกว่ามั้ย นี่ง่วงจะตายอยู่แล้ว มาพูดให้อิจฉาอีก >___<
แต่การที่น้องเอ๊ะตามมาทัน และอยู่ไปด้วยกันจนจบ เดินคุยไปเรื่อยๆ ทำให้ตื่นแฮะ ขอบคุณน้องมา ณ ที่นี้
ทางช่วงลงโบทานิคหลายคนคุ้นเคยดี มันทิ่มลงมาเรื่อยๆ
เช้าแล้ว นักวิ่ง 10K เริ่มสวนขึ้นมา และแซงลงไป
หลายคนปรบมือให้ หลายคนยกนิ้ว(โป้ง)ให้ หลายคนชื่นชมด้วยคำพูด
มันสร้างกำลังใจให้ซอมบี้ 100K ได้ดีมากๆเลยครับ กราบขอบคุณนักวิ่ง 10K ที่สวนมาทุกท่าน
ยังหันไปคุยกับน้องเอ๊ะว่าถ้าเรามาสักตีสี่นี่ ไม่อบอุ่นแบบนี้นะเนี่ย ^^
ลงมาถึงถนน ข้ามถนนแล้วเข้าสวนพฤกษศาสตร์ เลี้ยวขวา
ทางขึ้นที่เคยนรกมาก กลายเป็นงั้นๆไปครับ เตาะแตะๆ เดี๋ยวก็ถึงบันได
หลุดขึ้นบันไดมา
อู้ย คนมารอรับเยอะกว่าตอนงานรับปริญญาอีก ^^
จบแล้ว สำหรับ 100K ของคนธรรมดาอย่างผม
ได้ผ้าบั๊ฟจากมือโปรฯหนำเป็นของที่ระลึก จากการที่ผมพาแก้วโป่งแยงไปวิ่งทั่วไทยมาก่อนหน้านี้ และสามารถกลับมาเส้นชัยวันนี้ได้
ขอบคุณมากๆ เป็นความประทับใจครับ
ได้เทพรัชชี่แสตมป์ตราสุดท้ายในพาสปอร์ตให้ ยังกะได้พรจากหลวงพ่อ 55 ได้แสตมป์ครบแล้วเว้ยยย
เอาใส่กรอบเลยดีมั้ย
พาสปอร์ตนี่ก็ถือเป็น rare item นะ
จบแล้ว อยากจะนั่งลงพิงต้นไม้ตาย เอ้ย! หลับไปเงียบๆ
ผมไม่ได้เอาเสื้อ finisher ที่อยากได้นักอยากได้หนามาถ่ายรูปเลย
ความรู้สึกมันถูกเติมเต็มแล้ว
ผมไปนั่งกินข้าวต้มเงียบๆอยู่ที่เดิม
ที่ที่ dnf แล้วไปนั่งอยู่ปีที่แล้ว
เฮ้อ จบเนาะ :)
ด้วยการเซฟตัวเอง ระวังตัวเอง สังเกตร่างกายตัวเอง ผ่อนเมื่อตึง ช้าลงเมื่อหายใจแรงไป ทำให้ผมจบรายการที่ไกลที่สุดในชีวิต ด้วยการไม่บาดเจ็บเลย ไม่เป็นตะคริวเลย
(เมื่อยมีแน่นอนครับ ^^; )
คำแนะนำสำหรับคนธรรมดาแบบผม คือเตรียมตัวมาให้ดี และต่อเนื่อง
ร่างกายและจิตใจ ที่อยู่ต่อเนื่องยาวนานได้เป็นวัน ต้องมาจากการซ้อมเท่านั้น
ส่วนรูปแบบการซ้อมจะเป็นแบบไหน หาตัวเองให้เจอ ดีที่สุดครับ แผนซ้อม แผนวิ่ง มีเราเท่านั้นล่ะ ที่รู้ดีกว่าคนอื่น
ไม่ซ้อม แล้วจะมาลุยเลย ต้องขออนุญาตแนะนำว่า อย่าเด็ดขาด สำหรับระยะอัลตร้าในป่าเขา
ขอบคุณทุกๆคน
ตั้งแต่วันที่ dnf ปีที่แล้ว คุณหมออ้อม และน้องอีกสองสามท่าน ที่นั่งแอบๆอายๆ ปรับทุกข์อยู่ด้วยกัน ตามประสาชาว dnf
ทั้งตลอดเส้นทางระยะ 100km ของ PYT ในปีนี้
วิดนุ น้องหนุ่ม น้องเก่ง น้องฟิว เอ็ดดี้ น้องมิ้นต์ น้องเอ๊ะ คุณลุงจากระยอง น้อง bib10521
ทั้งเจ้าหน้าที่ทั้งนักวิ่งทุกท่านที่ได้เจอกัน ขอบคุณทุกคน
ขอบคุณญาติพี่น้องที่มารับที่เส้นชัย ทั้งภรรยา พี่เอก น้องยุ้ย อ้ายจิ้บ
และทุกเสียงปรบมือที่เส้นชัย
อ้อ คนอีกกลุ่มนึง ที่ดีใจมากที่ผมจบได้ คือบรรดาสวีปเปอร์ ที่เคยลากผมขึ้นเขา ลงเขาตามรายการต่างๆ ด้วยความหวังว่า ต่อไป ไม่ต้องไล่จับลุงนี่แล้ว
สาธุ ขอให้จริง
ขอบคุณฝ่ายจัดการแข่งขัน ที่สายตาผม สำหรับสเกลของ race ผมยกให้รายการนี้เป็นเบอร์หนึ่งของเมืองไทย ณ วันนี้
สำหรับทุกท่านที่ได้ผ่านมาเจอกัน หากผมพลาดล่วงเกินอะไรไป ต้องขออภัยนะครับ
ยาวอีกแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนตรงนี้
ยาวอีกแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนตรงนี้
สำหรับนักวิ่งทุกท่าน ไม่ว่าจบหรือไม่จบ พวกคุณสุดยอดทุกคนครับ ด้วยจิตคารวะ
สำหรับเพื่อนที่แวะมาอ่านทุกท่าน
ขอให้สุขภาพดี มีเวลาซ้อมสม่ำเสมอทุกๆท่านนะครับ
จบบริบูรณ์
------------------------------------------------------------
บันทึกครั้งแรกในกลุ่ม ultra trail runners
บันทึกครั้งแรกในกลุ่ม ultra trail runners
(แต่ลิงค์นี่ไม่อยู่แล้วนะครับ
อันเนื่องมาจากลุงถูกเตะออกจาก fb ด้วยข้อหากระด้างกระเดื่อง)
https://www.facebook.com/groups/1417495471804211/permalink/2001744183379334/
Comments
Post a Comment