ตะนาวศรี เรามีเรื่องต้องเคลียร์
ทราบมั้ยครับ ตะนาวศรีเทรลที่จัดมาตั้งแต่ 2015นี่ จัดมาทั้งหมดกี่ครั้งแล้ว
เว้นให้ทายเล่นหน่อยนึง ติ้กต่อกๆๆ ^^
…. ... .. .
ถึงจะจัดมาแค่สามปี แต่จัดมาทั้งหมด 4 ครั้งครับ
ปีแรก นอกจากมีครั้งที่หนึ่งแล้ว ยังมี zero edition อีกด้วย แฟนพันธุ์แท้หลายท่านคงเคยเข้าร่วม
ผมจะมาตั้งแต่ครั้งนั้นแล้วล่ะ แต่ก่อนวิ่งหนึ่งสัปดาห์ไปเกิดอุบัติเหตุจากเล่นซอฟท์บอล เข่าบิด จบเลย ตั้งแต่ยังไม่ได้มา T___T
2016
กลับมาใหม่ด้วยความ(คิดเอาเองว่า)พร้อม
ระยะ 25k ใส่ vff 5 นิ้วมาเล้ย
ติดลูกประมาท มือขวาถือโทรศัพท์ เอาไว้ถ่ายรูป มือซ้ายกำเทรคกิ้งโพล วิ่งลงจากน้ำตก สัก กม.7
สะดุดครับ หน้าลอยเข้าไปหาบันไดหิน ดีที่สุดคือเอามือที่กำของ ยันหินไว้ ตูมเดียว
กระดูกโคนนิ้วก้อยขวาหัก!! นิ้วมือนะ
จบอีก!! ตะนาวศรีเทรล 2016 ไม่ได้ขึ้นแม้แต่เขาเขียว
>_____<~
บทเรียนหนักๆมา ปัญญาก็เกิด
เลิกถือของวิ่ง มือเปล่าล้วนๆ เพื่อความปลอดภัย
ส่วนเทรคกิ้งโพลเนี่ย ผมตั้งแง่กะมันมาพักนึงแล้วล่ะ ได้ทีเลิกใช้กันไปเลย ผมว่าบางทีจิ้มๆเพลินๆไป มันถ่วงผมให้ช้าลง อันนี้เป็น bias นะครับ อย่าคล้อยตาม
2017
กลับมาใหม่
ใจก็ตุ๊มต่อมๆ ชักกังวลเล็กๆว่าตะนาวศรีจะดุร้ายกะเราอีกไหม
30k เป็นระยะที่ลงไว้
แต่ด้วยความที่เพิ่งจบโป่งแยง100มา
ก็จะมีเสียงทักว่า
“ทำไมไม่ลง 60 ล่ะ?”
“30 จบสบายๆอยู่แล้ว ผ่านร้อยมาแล้วนี่”
เอิ่มมม มันไม่ใช่น้า ^ ^;
สองรายการนี้ สำหรับผม มันคนละบริบทกัน
ทั้งสองรายการมีความท้าทายที่แตกต่างกัน
และ ที่สำคัญ 30 นี่ล่ะ อาจไม่จบด้วย
สภาพร่าง ::เป็นหวัดมาก่อนหน้านี้ ไม่ได้ซ้อมวิ่งเลย แถมด้วย ด้วยเหตุจำเป็น ทำให้มาถึงสวนผึ้งเอาเที่ยงคืน กว่าจะได้นอน ตีหนึ่ง ตื่นตีสี่ี
ผมถือสาครับ กับ การอดนอนแล้วไปวิ่ง
ใจนี่เต้นรัวๆมาก ก่อนเริ่มสตาร์ท
คือ อายุก็ปูนนี้แล้ว พักผ่อนไม่พอ ตรูจะตายมั้ย >___<~
บอกกับตัวเองตั้งแต่สตาร์ท
“หัวใจรัวๆเมื่อไหร่ ให้หยุดพักเสมอ เป็นไรไป มันไม่มีใครแบกเอ็งลงมานะเว้ย”
ปีนี้ตะนาวศรีเทรล เปิดด้วยฝนตั้งแต่ก่อนสตาร์ท เอาละเหวย บนเขาจะเป็นไงเนี่ย
สตาร์ท เริ่มจากถนนเป็นระยะประมาณ 4 กิโล ก่อนจะขึ้นเขา
บนถนนก็เป็นเนินให้วิ่งขึ้นวิ่งลง ดูดพลังเบาๆ
ในฐานะ”ท้ายแถวตัวพ่อ” ปกติ เจอเนิน จะเดินขึ้น
แต่ผมรู้ว่า จังหวะขึ้นเขาลูกแรก “เขาลันดา” มันจะเป็น single track
เพราะงั้น เลยกัดฟันวิ่งเหยาะๆขึ้นเนิน
การทำแบบนั้น มันส่งให้ผมไปอยู่กลางขบวน ไปอยู่กลางนักวิ่งที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา เออ ดีแฮะ แปลกดี ^^;
การมาถึงเร็วหน่อย ทำให้แถวไม่ติดขัดนัก
พอขึ้นเขา หลายคนเริ่มสะบัดดาบเลเซอร์ออกมา
ไม่ใช่ละ trekking pole น่ะ ^ ^;
ตะกายถึงยอดก็เริ่มลงไปทางน้ำตก เอาละ ภาพจำเก่าๆกลับมา แถวนี้ล่ะ ปีที่แล้วที่เกิดเหตุ
วันนี้ ทุกก้าวที่เหยียบลงไป มองแทบหินทะลุ
ลงมาถึง ws1 นั่งโหลดของกินเลย รอน้องที่ตามมาด้วยกัน ผมรู้ว่าจากนี้ไปมันขึ้นๆๆๆ
ไม่รีบละ น้ำท่าในเป้ต้องบริบูรณ์
เขาเขียว เขาลูกที่สอง
มหกรรมไต่เขาเริ่มต้น
Note ไว้นิด ถึงเราจะมาเดิน แต่เวลาบอกใคร ให้บอกว่า เรามา “mountain run” จะดูเท่
ถ้าใครไม่เชื่อก็ท้าให้มันมาวิ่งตะนาวศรีเทรลด้วยกันดู
:p
ใครคิดจะมาดูวิว เขาเขียวไม่มีวิว!! มีแต่น่องคนข้างหน้าครับ คิดดูละกัน น่องคนข้างหน้า อยู่ในระดับสายตาเรา!!
ชันแบบนั้น
ระหว่างทาง เริ่มมีคนก็เริ่มจับจองต้นไม้ จับจองหิน
ดั่งอุปทานหมู่ พอคนนึงออกจากต้นไม้ คนใหม่ที่ตามขึ้นมาก็เข้ามาเปลี่ยนกะ เข้ามาพิงแทน
เขาเขียวยังพอกัดฟันผ่านมาได้ โดยไม่พักบ่อยนัก
ลงจากเขาเขียว เป็นหุบ
ตรงนี้ ถ้าใครสังเกตไวๆหน่อย จะพบว่าอากาศในหุบมันอึดอัด ลมไม่มี ธรรมชาติมันเป็นแบบนี้
สนุกกับการวิ่งลงกับวิ่งราบๆได้แป๊ปๆ
แต่พอจะขึ้นเขาแหลม ก็เริ่มคิด จะสะบัดดาบเลเซอร์ออกมาค้ำยันบ้างดีไหม
คิดไปคิดมา ไม่เอา!! มานี่เพื่อสู้กะเขาแหลมแบบไร้โพล แบกมันต่อไป(เอามานะ แค่ยังไม่ใช้)
ด้วยการที่เจอเขาเขียวนวดจนอ่วม การขึ้นเขาแหลม นับเป็นความทรมานบันเทิงแบบเต็มสเกล
คราวนี้ไม่แค่ต้นไม้กะก้อนหินที่โผเข้าไปหาบ่อยๆ ดินเปล่าๆยังนั่งลงไปเลย
รักธรรมชาติกันวันนี้ล่ะ
อาวุธลับก็ถูกชักออกมาจากก้นหีบ
ยังครับ ยังไม่ใช่เทรคกิ้งโพล แต่เป็น…
ยาดม!!
ไม่รู้ล่ะ ว่าจริงๆมันช่วยอะไรได้ แต่อย่างน้อยก็เปลี่ยนบรรยากาศละวะ
แล้วเวลามองขึ้นไปเห็นเป็นทางหักศอก และมีเพื่อนนักวิ่งทำหน้าหมดอารมณ์ยืนทอดหุ่ยอยู่ มันแปลว่า ทางถัดขึ้นไปที่เรามองไม่เห็นนั่น คือชันกว่าที่กำลังจะขึ้นไปอีก -”-
บางทีต้นไม้ที่เล็งไว้ พอขึ้นไปถึง อ้าว มีนางไม้ หรือไม่ก็รุกขเทวดา สถิตอยู่แล้วหนึ่งท่าน ก็ต้องเดินต่อขึ้นไปหาต้นว่างๆที่สูงอีก - -;
ตะคริวก็มากวนเป็นระยะ อันนั้นมันแค่รบกวน
ที่สำคัญกว่ากล้ามเนื้อ คือจังหวะเต้นหัวใจ
ถ้าหัวใจเริ่มกระเด็นกระดอนนี่ ผมหยุดพักเลย
ส่วนลมหายใจถ้าถี่นัก พักเลยเช่นกัน
นั่งรอเพื่อนรอน้องกันไปเรื่อยๆ(เป็นข้ออ้าง) หายเหนื่อยก็เดินต่อ
อ้อ มาคราวนี้ผมมีพร็อพพิเศษมาเพิ่ม
“สเปรย์ฉีดน้ำรีดผ้า”
เทรลอื่นๆที่ผ่านมา เวลาเหนื่อยๆร้อนๆ แล้วเอาน้ำดื่มมาเทลูบหน้าลูบตา พบว่ามันเปลืองครับ
เอาใส่น้ำดื่มใส่เข้าไปในขวดสเปรย์
คราวนี้ฉีดเป็นละอองเลย เย็นฉ่ำ ฉีดใส่ปากก็ได้
แถมฉีดเล่นใส่เพื่อนนักวิ่งได้ด้วย
สนุก เลยฉีดเล่นมั่วซั่ว
ใครไม่ถูกใจ ขออภัยออกอากาศไว้ตรงนี้นะครับ
(-/\-)
ถึงยอดเขาแหลม
ใครขึ้นมาถึงตรงนี้ได้ ไม่มีอะไรต้องค้างคาใจแล้วครับ สุดยอดทุกท่านจริงๆ
(ปีที่แล้ว หลังผมเกิดอุบัติเหตุ ก็ปล่อยให้ภรรยาขึ้นเขาแหลมมาคนเดียว กลับไปจะไปถาม เธอขึ้นมาถึงนี่ได้ยังไง(วะ))
จากการประเมินตั้งแต่ออกตัวมา จนเกือบถึงยอดเขาแหลม ผมว่าผมอยู่กลางๆขบวนนะ
แต่พอถึงยอด ผมเหลือเวลาอีกชั่วโมงสี่สิบนาที เพื่อจะไปถึง ws3
นี่มันต้องแข่งกับ cut-off นี่
เวลากับระยะทางแค่นี้ ผมเคยมีประสบการณ์ถูกเตะออก เอ้ย ถูก cut-off มาแล้ว การลงครั้งนี้ ก็เลยระทึกพอสมควร
ช่วง down hill นี่ แบ่งคนชัดๆเป็นสองกลุ่มเลย กลุ่มถนัด กับกลุ่มไม่ถนัด
ผมจัดตัวเองอยู่ในกลุ่มถนัด แต่พิเศษนิดนึง ตรง “ถนัดแต่หมดแรงแล้ว” ^ ^;
ผมใช้วิธีโผจากต้นไม้ต้นนึง ไปหาอีกต้น
ระหว่างกำลังสนุก มือก็จับไปเจอต้นมีหนามเต็มๆ
จ๊ากกกกกก!!!
หนามหักฝังเข้าไปในนิ้ว
ตะนาวศรีเทรล ขอจบไม่เจ็บ ไม่ได้ใช่มั้ย?!! ดุจริง
>___<~
มีน้องนักวิ่งท่านนึงหยุดยื่นพลาสเตอร์ให้ ต้องขอบคุณมากๆๆๆๆๆนะครับ
ไม่ได้ถามชื่อ จำ bib ไม่ได้ - -" ต้องขอโทษด้วยครับ
เจ็บมือนิดหน่อย ช่างมัน ไถๆๆๆต่อลงมาเรื่อยๆ จนถึงจุดที่นักวิ่งที่ออกจาก ws3 สวนขึ้นมา พร้อมคำบอกเล่า
“รีบลงๆ ข้าวขาหมูอร่อยมาก”
อื้อหือ แทบจะม้วนหน้าลงไป
แต่ ลงไปแล้ว ต้องพุ่งไปหาคุณพยาบาลจากค่ายภานุรังษีก่อนเลย
เอาหนามออกจากมือลุงให้หน่อยค้าบ
คุณพยาบาลก็ใจดี พยายามสะกิดออกให้เบาที่สุด แต่ด้วยความที่มันค่อนข้างใหญ่ เลยต้องแงะกันพักนึง
ทำแผล+กินข้าว+พัก ใช้เวลาไปร่วม ยี่สิบนาที
บรรยากาศตรงนี้เหมือนงานปาร์ตี้
มีทั้งสายตาคนมีความสุขที่ได้บอกเพื่อนว่า
“กรู dnf ตรงนี้นะ กรูรอกลับรถนะ”
มีทั้งสายตาลังเล “กรูจะไปต่อดีมั้ยวะ”
มีสายตาที่ดูจะไม่ตอบสนองกับแวดล้อม
“ขอกรูนั่งเงียบๆคนเดียว อย่ามาชวนคุย โน่นนี่ นี่นั่น”
การที่ตั้งเวลาไว้ 4 ชั่วโมงจากจุดนี้ ดูจะเป็นการวางแผนของทีมงานเพื่อรับประกันกลายๆ ว่าถ้านักวิ่งสามารถออกจากจุดนี้ได้ น่าจะจบแน่ๆ
(อันนี้ผมเดาล้วนๆ)
8 กิโลเมตรโดยประมาณ
มีช่วงชันๆตอนเริ่มให้ท้อเล่น
ไม่ครับ คนอย่างผมไม่เคยท้อ ผมแค่เหนื่อยไม่มีแรงไต่ขึ้นไปแค่นั้นเอง ^ ^;
ผมกับน้อง(จริงๆผมนี่ล่ะ) ก็นั่งพักอีก 55
เพื่อนนักวิ่งที่แซงกันไปแซงกันมา ยังทักว่า ไอ้สองคนนี่ นั่งอีกแล้ว!!
เอาเข้าจริงๆ เขาลูกสุดท้าย เป็นเนินที่เดินขึ้นไปได้เรื่อยๆ ง่ายกว่าที่ผ่านมา
เพียงแต่ว่า หลายคนคงโดนไวรัสเข้าไป เริ่มกลายเป็นซอมบี้ สปีดขึ้นเขาเลยลดลงไปเรื่อยๆ
ผมรู้สึกอย่างเดียว
อยากกินตำปูปลาร้า!!
น้องที่เดินใกล้ๆเสริมมา อยากได้โค้กเย็นๆ
เอ่า โค้กเย็นๆ ลุงก็อยากกินลูกเอ้ย
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง กว่าจะถึงยอด
จังหวะนี้เอง ผมเริ่มพบความผิดพลาดของตัวเอง
น้ำในถุงน้ำหมดไปแล้ว ผมไม่ได้ตรวจสอบระดับมันเลย
เพราะคิดว่า อีกแค่ แปดกิโล ขวดน้ำ 500cc ที่เต็มอยู่ด้านหน้า น่าจะพอ
ไม่พอครับ
ช่วงลงน้ำตก อาการขาดน้ำเริ่มปรากฎ เร็วและรุนแรงขึ้นอย่างน่ากังวล
บอกตัวเอง ว่าจุดให้น้ำอยู่ไม่ไกล
แต่มันก็ไม่ถึงสักที - -”
เซฟตัวเองไว้ก่อน เดินช้าลงไปอีก คอแห้งผาก แต่ยังพอทน
อันนี้เป็นอีกบทเรียนใหญ่ๆ ว่าอย่าประมาทอีก ในเรื่องน้ำดื่ม
ในที่สุดก็ถึง WS1 น้ำ ขอน้ำาาา
ตอนนี้ใครจะวิ่งเข้าเส้นชัย ก็หลบให้อย่างเดียว ขอเดินแบบหน้าไม่อายล่ะ
น้องที่มาด้วยกันก็ดันเห็นดีเห็นงามด้วย
“ไปพี่ เราเดินเข้าเส้นชัยเท่ๆ”
ผมไม่แน่ใจเรื่องเท่ แต่มั่นใจเรื่องเดิน
ในที่สุด 11 ชั่วโมง 7 นาที ก็กลับมาที่เส้นชัย
เราหายกันละนะ ตะนาวศรีเทรล :)
เหรียญที่ได้มา ขอมอบเป็นรางวัลให้นิ้วก้อยขวา
2018 ถ้าอัพร่างสำเร็จ
เทรลทัวริ่ง จะแอบพาซิ่งขึ้นเขากระโจม
ย้ำ ถ้าอัพร่างสำเร็จ!!
** ตะนาวศรีเทรล เป็นเทรลที่นักวิ่งเทพๆมาเป็นเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอดเส้นทาง
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ ที่เราจะได้รอยยิ้ม ได้การให้กำลังใจ ได้รับสายตาที่แสดงความเห็นใจ ^^;
ต้องขอบคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารทุกท่านที่คอยดูแลอยูทุกตำแหน่งเสี่ยง
*** trekking pole หรือแม้แต่ไม้ไผ่ที่เอามาค้ำ ทำให้การวิ่งเทรลเป็นกีฬาที่มีอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงต่อนักกีฬาคนอื่นขึ้นมา ดังนั้น ความระมัดระวังในการจับ วิธีจับระหว่างเดิน ผมว่าน่าจะรณรงค์กันให้มาขึ้นครับ
ไม่มีใครตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุ แต่การฝึกฝนใช้งาน ช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากความไม่ตั้งใจได้ครับ
****ทุกท่านที่อยู่บนตะนาวศรีเทรล ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร สุดยอดทุกท่านครับ
และ หากผมล่วงเกินหรือสร้างความรำคาญใดๆในทางเทรล ต้องขออภัยด้วยนะครับ
****ตอนโป่งแยงจบ ผมเห็นหลายสเตตัสประกาศอัพขึ้น100k ปีหน้า
แต่ตะนาวศรีจบ
ผมไม่ค่อยเห็นใครประกาศ ปีหน้าอัพขึ้น 60k
นี่คงเป็นความต่างนึง ที่พอเอามาหยอกล้อกันได้ ^^
ปล. ระหว่างเดินทางกลับ มีแวะปั๊ม ซื้อกาแฟกิน ผมเดินลงทางลาดของร้านกาแฟอย่างกะย่องกะแย่ง น่าเกลียดเลยล่ะ ก็มีเสียงทักทายดังสนั่น “พี่สุดยอดมากเลยยยย”
ห๊ะ ใครๆยังไงๆ อ้อ คงเป็นน้องนักวิ่งเห็นเสื้อ finisher เลยทักทายกัน ปรากฎว่า น้องเค้าก็ลง 30k ด้วยกัน บอกปีหน้าจะกลับมาสู้ใหม่ ยอดเยี่ยมไปเลย กำลังใจดีมากๆ
แต่ไอที่ลืมตัว เดินซะน่าเกลียด อ๊ายอาย
ทำเสื้อ finisher เสียหายหมด 55 ขออภัย finisher ท่านอื่นนะครับ
จบบริบูรณ์
Comments
Post a Comment