Skip to main content

เรียกข้าว่า อีลิท

เดี๋ยวๆ เรียกใคร?!

ถ้าคนเขียนนี่ เป็นอีลุงครับ   แบบนี้เรียกได้ อีลุงเบนซ์ไรงี้

แล้วจะเรียกใครว่า  อีลิทล่ะ

คำๆนึง จะมีความหมายว่าอะไร ก็ขึ้นกับใครจะนิยาม

และ.. เมื่อนิยามแล้ว จะมีคนเห็นด้วยมั้ย ก็อีกเรื่องนึง ^^;

เดี๋ยวยาวอีก เอ้า มาดูว่า ITRA ว่าไว้ว่าไง


นี่ตารางอะไร?

Hommes แปลว่า ผู้ชาย  เป็นภาษาฝรั่งเศส  นี่ถามอากู๋มา

Niveau แปลว่า level  นี่ก็ถามกู๋ - -;

> 900  AAA

คุณคือ Elite 1 ระดับนานาชาติ!!

นี่ล่ะครับ ITRA นิยามการเรียกไว้ตามตารางนี้

มี expert มี advanced มี intermediate


พอรู้ว่าแบ่งแบบนี้ปั๊บ  รีบไปดูของตัวเองทันที

ครับ!! จริงๆก็ไม่ต้องดู ก็รู้อยู่แล้ว ^ ^;

อีลุงเบนซ์ <350  ระดับ E Starter

ดูยังไง?!  ทางนี้ครับ ลองไปดูตัวเลขของตัวเองตาม link นี้

http://www.i-tra.org/community/

กรอกชื่อตัวเองให้ตรงกับที่เคยสมัครกะ race ต่างๆ


จะเห็นตารางที่มีเขียนว่า cotation เป็นภาษาฝรั่งเศสอีก  น่าจะแปลว่า rating
(ทำไมชีวิตจะต้องลำบากขนาดนี้  -"- )

จริงๆตัวสีฟ้านั่นล่ะครับ ที่กำลังจะพูดถึง

Performance index

นี่ถึงกับเอาตัวเองเข้าแลก เพื่อการศึกษา
เพราะงั้น กรุณาอย่าโห่อย่าฮา อย่าทำปากสระอิใส่ กับค่า PI ที่เห็น ^^;

308 ของอีลุงมาจากไหน

มีสี่ตัวแปรครับ ที่ทำให้เกิดเลขตัวนี้

หนึ่ง
เวลาที่เข้าเส้นชัย  ของลุงเป็น 27 ชั่วโมงโดยประมาณ
ในสนามที่มี km-effort 148

จำ km-effort ได้อยู่ใช่ไหมครับ
ระยะทางหน่วยกิโลเมตร + (ความสูงสะสมหน่วยเป็นเมตร/100)

สอง
เวลาที่เข้าเส้นชัย(ในเชิงทฤษฎี) ของนักวิ่งอันดับหนึ่งของโลก  ในสนามที่มี km-effort เท่ากับสนามนี้
ITRA จัดทำข้อมูลนี้
(ซึ่งไม่รู้ว่าหายังไง เค้าคงมีฐานข้อมูลของเค้า - -;)
สมมุติเป็น X ก่อนละกัน

จับ ( X/เวลาของเรา ) × 1000 
จะได้เป็นสิ่งที่เรียกว่า score

จำ score นี่ไว้ดีๆนะครับ ทดไว้ในใจก่อน

มีตัวเลขอีกสองตัวครับ ที่เกี่ยวข้อง

สาม
score เฉลี่ยของคนทั้งหมด ที่วิ่งในสนามเดียวกับลุง

สี่
performance index เฉลี่ย ของคนทั้งหมด ที่วิ่งสนามเดียวกับลุง

จับหารกัน

performance index เฉลี่ย / score เฉลี่ย

ตัวเลขที่ได้ เรียกว่า ค่าสัมประสิทธิ์

สุดท้ายยยยย

ค่าสัมประสิทธิ์ × score

จะได้ Performance index ของลุง ที่เค้าคิดมาให้เรียบร้อย ว่า 308

------------------------------

นี่พยายามเรียบเรียงคำให้ดูง่ายๆที่สุดแล้วนะ ยังรู้สึกวุ่นวาย

เอาใหม่ๆ

อย่างแรก คือ เอาเวลาเราในสนามจริง เทียบกับเวลาของนักวิ่งระดับโลก(ซึ่งไม่ได้มาวิ่งกะเรา เป็นค่าประเมิน)

เอาเวลาของเรา ที่มากกว่าแน่ๆ  เป็นตัวหาร

จะ ..ได้ค่าความกาก  เอ้ย ได้รู้ว่าเราเป็นแค่เศษส่วนเท่าไหร่ของคนเก่งที่สุดในโลก

ตัวเลขที่ออกมาเป็นทศนิยมที่ไม่ถึง 1

จับคูณ 1000
(ตรงนี้ไม่มีอะไร แค่ทำให้เป็นจำนวนที่อ่านง่ายๆ)
ได้เป็น score ของเรา

ทีนี้

เรา (ITRA)ก็ให้เครดิตสภาพสนาม
ด้วยการ เอาค่าเฉลี่ยของ PI ของคนทั้งหมด ที่วิ่งกะเรา(ค่านี้น่าจะเฉลี่ยจากคนที่เส้นสตาร์ท) หารด้วยค่าเฉลี่ยของ score ของคนที่วิ่งจบในสนามนี้

ค่าตรงนี้ ITRA บอกว่า น่าจะสะท้อนสภาพสนามของเรซนั้น ในวันนั้น ออกมาได้ดีระดับนึง
เรียกเป็น coefficient ก็ได้

coefficient × score = performance index

เท่าที่หาข้อมูลมา เค้าคำนวณมาประมาณนี้
(ใครมีข้อมูลที่ชัดเจน หรือพบว่าผิดพลาดประการใด ช่วยแจ้งมานะครับ นี่แค่หาเอาจากตามเว็บ ไม่เคยได้ไปเกี่ยวข้องกับการทำงานจริงของผู้จัด หรือ itra)

จริงๆ ทั้งหมดนี่สำหรับคนสงสัยเรื่องที่มาของ PI

ต้องรู้มั้ย?!!

เอิ่ม ...จริงๆก็ไม่ต้องครับ กดที่เสิร์ช ค่า PI ก็โชว์ออกมาแล้ว


ทีนี้ ถ้าเราวิ่งบ่อยๆล่ะ  แต่ละเรซ เราก็จะได้ค่า PI มา

ค่าที่เห็นในตาราง จะเอาค่าเฉลี่ยจาก 5 ครั้งที่ดีที่สุดครับ

นับแยกตาม size ของสนาม ที่มี คะแนน itra กำกับไว้ครับ

ตัวอย่าง
งานมนุษย์กบ 50k ที่ผ่านมาก็  ITRA 3

เมื่อเราได้ performance index มา ก็จะถูกเอาไปแยกคิดใน category 3 ด้วยกัน


อ้อ  มีเรื่องชวนสังเกตเรื่องนึงนะครับ

performance index ไม่ได้นำเอาอันดับ(rank) ในการเข้าเส้นชัยมาคิดเลยนะครับ

เอา เวลา ที่ทำได้ เป็นหลัก

ดังนั้น  การจะได้ PI สูงๆ คือต้องทำเวลาให้ดี ให้เข้าไปใกล้ระดับโลก เพื่อค่าเศษส่วนจะได้ใกล้ 1
ซึ่งคงต้องฝ่าฟันกันมากมายทีเดียว

และ PI ที่ติด E เอ้ย ระดับ E ก็คือพวกบรรดา คนที่วิ่งหนี dnf เป็นอาชีพนั่นล่ะครับ  เวลาจะยืดๆยาวๆหน่อย  พอหารมา แทบไม่เหลือเศษ!!

พวกติด E นี่ คล้ายหนังไทยครับ มีครบทุกรส ทั้งเซลฟี่ ทั้งเฮฮาปาร์ตี้ ทั้งท้อแท้หมดหวัง ทั้งใกล้ตาย ทั้งตะคริวจับ อยากระเบิดภูเขา อยากเผากระท่อม  ก็มีรสชาติของชีวิตอีกแบบนึง ^^
(อันนี้ประสบการณ์ตรงครับ 55 เล่าได้เต็มปากเต็มคำ)

ส่วนใครอยู่ หรือกำลังไต่ขึ้นสู่ level Elite ก็ขอให้สู้ๆนะครับ แนวหลังอย่างลุง เอาใจช่วยอยู่เสมอ

อ้อๆ เดี๋ยวสิ ก่อนจบ

คะแนนของสาวๆ แยกออกมาอีกกลุ่มนะครับ
ไม่ปนกันกับหนุ่มๆ



คำถามสุดท้าย  เอา Perfrmance index ไปทำอะไร?

ดูรูปกันดีกว่า


รายการนี้ คนไทยชื่นชอบ  ได้ข่าวว่าบางระยะ คนไทยเยอะพอๆกะเวียดนาม อันนี้ได้ยินมา จริงเท็จประการใด ไม่กล้ายืนยัน

ITRA5  เราอ่านกันเป็นหมดแล้วเนาะ ว่ามายังไง
(ถ้ายังไม่รู้ ลองรื้อๆดูใน blog นี้ล่ะครับ)

เลข 5 ตัวที่สอง คือ ความยากในการขึ้นเขา รายการนี้เป็นไคจูระดับ 5

ตัวที่สาม  เลข 350

อันนี้ล่ะครับ  เป็นตัวเลขที่ทางเรซเขาช่วยประเมินให้ว่า...

 เรซนี้นะ
ถ้าอยากรอด กรุณาดู PI ของตัวเอง ที่ size สนามที่มี km-effort แถวๆ 150( คือ ดูให้ชัวร์ ว่าสนามขนาดเดียวกัน)

ถ้าเกิน 350 ก็มีโอกาสรอด มีโอกาสจบล่ะ  สมัครเลย

ส่วนลุง  308   ... ทำได้แค่ หัวเราะหึๆ  แล้วนอนอยู่บ้าน

ยาวอีกแล้ว

ขอบคุณนะครับ ที่อุตส่าห์อ่านจนมาถึงตรงนี้

วิ่งให้สนุก สุขภาพดีทุกท่านครับ


***
ข้อมูลและภาพ จาก i-tra.org และ tracedetrail.fr




Comments

Popular posts from this blog

Gain กับ การเลือกเทรล

เกนๆๆ พูดอะไรกัน?!! #เทรลทัวริ่ง ชวนคุย สำหรับมือใหม่ที่มาจากทางเร ียบ เนื่องจาก ฤดูกาลรับสมัครแย่งชิงตัวนั กวิ่งเทรลกำลังเริ่มขึ้น (เข้าใจว่า จริงๆเริ่มแล้ว) นอกจากเรื่องค่าสมัครแล้ว ;p ข้อมูลนึงที่นักวิ่งควรจะนำ มาพิจารณาประกอบสมัคร คือ ค่า gain นี่ล่ะ ก็ขนาด i-tra ยังเอามาเป็น index ของระดับคะแนนเลยว่า.. ระยะทาง + (gain/100) คือตัวเลขที่นำมาพิจารณาให้ คะแนนของ race นั้นๆ บางท่านก็อาจฟันธงเลย “นี่ล่ะ ค่าความเหนื่อย” เช่น ระยะ 77 km gain 4000 = 77+ (4000/100) = 117 อ๋อออออ เหนื่อยพอๆกะวิ่ง 117 กิโลเมตร จะเอามาใช้แบบนี้ก็ไม่ผิดอะ ไร แต่อาจไม่ตรงความหมายเดิมเป ๊ะๆเท่านั้นเอง ลองดูตัวอย่างจากภาพครับ Note:: ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกั บผู้จัด cm6 นะครับ แจงไว้ก่อน แถมเอาภาพมานี่ก็ไม่ได้ขออน ุญาต แฮร่!! ดูภาพๆ จาก จุดสตาร์ท ไป hq1 เอาความสูงทั้งสองจุด จับมาลบกัน 1350 - 331 = 1019 Gain ช่วงนี่คือ 1019 เมตรครับ นับแบบนี้เลยรึ?!! ครับ นับประมาณๆเอา เพราะทางขึ้นช่วงนี้ แทบไม่มีทางลงเลย(มีบ้างล่ะ แต่ไม่เป็นนัยะ) ทีนี้ดูระยะทางนะครับ 10 km ...

สูงและชัน 102 Elevation gain

จาก สูงและชัน 101 เราคุยกันเรื่อง ความสูง และความชันเบื้องต้นกันไปแล้ว คราวนี้เรามาคุยกันสั้นๆ เรื่อง.... Elevation gain ความสูงสะสมรวมของทั้งเรซ มาดูกัน ว่า"สะสม"กันแบบไหน ดูภาพกันเลย รายการวิ่ง ปาโจเทรล(นามสมมุติ) ระยะ 40 กิโลเมตร ยอดเขายอดที่สูงที่สุด สูง 1500 เมตร เทียบกับจุดสตาร์ท เรซนี้นี้ มีค่าเกน 2000 เมตรครับ นับยังไง? ภูเขาลูกแรก  ไต่ขึ้นสูง 1000 เมตร  ไต่ถึงยอดแล้ว ทดไว้ในใจ ^^ ตอน down hill  ระวังดีๆ อย่าสะดุดรากไม้ เดี๋ยวไอที่ทดไว้หาย ขึ้นลูกที่สอง ไต่ขึ้นอีก 1000 เมตร เอามารวมกับที่ทดไว้ในใจ 1000+1000 ครับ นับแต่เฉพาะความสูงที่เราต้องไต่ขึ้น มารวมๆกัน ความสูงที่สะสมทั้งหมด รวมกันได้ 2000 เมตร ด้วยวิธีคิดแบบนี้ เราจึงเรียกว่า Elevation gain ความสูงสะสม สรุปแบบพูดสั้นๆ ไทยสไตล์ ปาโจเทรล 40k gain 2000 m คราวนี้มาดูอีกเรซ ทรายขาวเทรล(นามสมมุติเช่นกัน ^^) ทรายขาวเทรล 40k เช่นกัน ดูออกไหมครับ ว่า เกน เท่าไร ขึ้นเขา 4 ครั้ง ครั้งละ 500 เมตร ครับ!!! ทรายขาวเทรล 40k   เกน ก็ 2000 เมตรเช่นกัน ...

สูงและชัน 101

มีเวลาว่างมาก เพราะไม่ได้เล่น fb แล้ว :p ขอจัดเต็มกะไอเรื่องนี้สักที  เอาให้จบๆไป นอกจากนักวิ่งสายเทรล  ผมเชื่อว่ามีประโยชน์กับเด็กที่กำลังเรียนเลขด้วย ม่ะ  ถ้าว่าง ก็ตามมา อ้อ เลเวล ระดับเริ่มต้นนะครับ  แบบพื้นฐานกันสุดๆ ดูภาพนะครับ ณ เทือกเขา ABC  ที่มีจุดสูงสุด ทียอด B ขอตั้งชื่อดีกว่า  ณ เทือกเขาบูโด การข้ามเขา จาก จุดA ไปถึง จุดC  โดยการปีนขึ้นยอด แล้วไหลลง gps บนนาฬิกาเรา จะบอกว่า เป็นระยะทาง 60 กิโลเมตร  มันจับระยะตามแนวตรงจาก a ถึง c เลย แม้จริงๆเราจะขึ้นไปตามแนวเอียง และลงมาตามแนวราบ ซึ่งเห็นอยู่ชัดๆ ว่า ไม่น่าใช่ 60 กิโลเมตร ต้องมากกว่าแน่ๆ แต่ นาฬิกาเรา มันจะยืนยันว่า 60 เอ้า งี้วิ่งจริง ก็ไกลกว่าที่ gps บอกสิ?!! แหงครับ  แน่นอนครับ ชัวร์ เรื่องแรกที่ต้องรู้เลย..คือ เวลาวิ่งเทรลขึ้นเขา  เราจะวิ่ง"ไกลกว่า"ระยะที่นาฬิกาบนข้อมือบอกเรา แต่  อย่าตกใจครับ เราไม่รู้หรอก 55 นาฬิกามันบอกก็เชื่อๆมันไปเถอะ ^^ จริงๆ ที่บอกว่าอย่าตกใจ เพระ ความคลาดเคลื่อนมันนิดเดียวครับ รายการเทรลในเมืองไทย...