เรื่องมันตั้งต้นที่การตัดสินใจไป แล้วเกิดผิดพลาด
ผลทำให้ตกไปอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างไม่ทันนึก
เกือบ 2 ทุ่ม บนเส้นทางชาวบ้าน กระแสน้ำป่าที่ไหลแรง ไหลตัดผ่านถนน น้ำไหลจากซ้ายไปขวา
หลังจากลองก้าวไปหยั่ง ๆ ดู พบว่าสามารถเดินต้านน้ำไปได้ พอถึงกลางทาง หันตัวกลับมายืนในแนวด้านน้ำ ลำตัวตั้งฉากกับกระแสน้ำ ส่งมือให้น้องสองท่าน ให้เกาะมาด้วยกัน
วินาทีที่มือจับกัน เหมือนถูกน้ำผลักให้ล้มคว่ำ และทุกคนถูกสายน้ำดูดลงลำห้วยข้างทาง
วินาทีที่ไปหมุนอยู่ใต้น้ำ ขาแข้งปะทะหินและแท่งคอนกรีตที่อยู่ใต้น้ำ น้ำแรงชนิดที่จับหญ้ากอใหญ่ ๆ ที่ตลิ่ง หญ้าขาดติดมือ ตอนนั้นมืดมาก ไม่รู้ทางน้ำยาวไปถึงไหน คิดอย่างเดียว ถ้าไหลตามน้ำไปจนถึงน้ำตกข้างหน้า ต้องตายแน่นนอน
แต่ในที่สุดท้งสามคนที่ถูกน้ำพัดไป ล้วนไต่กลับขึ้นมาบนตลิ่งได้ แต่ละคนบาดเจ็บแตกต่างกัน
สำรวจตัวเอง มีแผลขูดขีดอยู่ที่ขาทั้งสองข้าง ส่วนใหญ่เป็นแผลถลอก แต่มีอยู่แผลนึงที่มีเลือดไหลออกทางจากหัวเข่าไหลเป็นทางผ่านหน้าแข้งอย่างเห็นได้ชัด
แต่อย่างน้อยก็รอดแล้ว สามารถเดินขึ้นเขาระยะทาง 2 km ไปขอความช่วยเหลือจากจุดให้ความช่วยเหลือของการแข่งขันได้
ทั้งสามคนถูกส่งห้องฉุกเฉิน
ตีสอง แผลที่เลือดไม่หยุดได้รับการเย็บเรียบร้อย
เรื่องราวที่รอดตายมา น่าจะจบลงแค่นี้ แต่ก็ไม่ใช่
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
วันที่ออกจากห้องฉุกเฉินนับเป็นวันที่ 0 สำหรับเรื่องราวที่จะเกิดอย่างต่อเนื่องไปอีกถึงสองเดือน
วันที่ 1
ไปล้างแผล ที่เกิดจากการเย็บ
พยาบาลที่ทำแผล สังเกตเห็นว่ามีหนองออกมามากกว่าปกติ แนะนำให้มาพบแพทย์ในวันรุ่งขึ้น
อาการที่เข่าวันนี้คือ มีอาการปวดบวม
ซึ่งนึกว่าเกิดจากการที่ไปกระแทกของแข็ง
วันที่ 2
เริ่มปวดเข่าแม้จะอยู่นิ่ง ๆ
งอเข่าแล้วปวดมาก
รอบ ๆ เข่าบวมมาก
เริ่มหนาวสั่น แต่ไม่มีไข้
ไปพบแพทย์เฉพาะทาง คุณหมอเห็นแผลและหนองที่มีฟอง และดูจากอาการปวดบริเวณต่างๆรอบๆแผล คุณหมอตัดสินใจเปิดแผล
คุณหมอคว้านเนื้อที่ติดเชื้อ และเนื้อที่เริ่มตายบางส่วนออก และแจ้งว่า ทำได้แค่นี้สำหรับการฉีดยาชา ถ้าทำให้จบต้องผ่าตัดใหญ่
วันที่ 3
เดินทางมาโรงพยาบาลที่มีประกัน
ครั้งแรกที่ได้เห็นหัวเข่าตัวเอง
วันนี้ป็นวันที่ความปวดถึงขีดสุด
จังหวะที่ผ้าก๊อซที่ซุกในแผลถูกดึงออกมา ก่อนถ่ายภาพนี้ เป็นความรู้สึก"เจ็บแทบดิ้น" เป็นครั้งแรก
มีการเอาเข็มเจาะเข้าไปทดสอบ เพื่อหาหลักฐานว่าเชื้อเข้าไปถึงข้อกระดูกแล้วยัง
ดูเหมือนได้ข่าวดี ที่เชื้อยังไม่เข้าไปในข้อเข่า
ในที่สุด เช้ามืดวันที่ 4
ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดใหญ่ ถูกบล็อคหลัง
ทีมผ่าตัดใช้เวลาราว 1:30 ในการคว้านเนื้อที่เสียหาย เนื้อที่ตายและหนองออก
ผ่าตัดเสร็จ คุณหมอแจ้งว่า จะยังไม่เย็บปิดแผล ต้องรอให้มั่นใจว่า เชื้อถูกกำจัดไปหมดแล้ว
ตอนนั้นยังไม่เข้าใจกระบวนการนี้ แค่สงสัยว่า แผลผ่าตัด เปิดทิ้งไว้ได้ด้วยเหรอ?
คำถามนี้ จะได้รับคำตอบในเวลาต่อมา
ภาพจากนี้ไป จะเป็นสภาพของแผล เกิดจากการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียชนิด Aeromonas hydrophila(ผลทดสอบจากห้องแล็บ) ซึ่งเป็นเชื้อที่ความรุนแรงของอาการอาจรุนแรงถึงตายหรือพิการได้
ซึ่งภาพไม่ใช่ภาพที่เจริญตา
⚠แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเลื่อนลงไปดู หากเคยดูภาพประเภทนี้แล้วติดตา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สายวันที่ 4
พยาบาล มาล้างแผลครั้งแรก ขอถ่ายภาพไว้
สภาพแผลเช้าวันนั้น
สิ่งที่ทำหลังการล้างแผลคือเอาผ้าก๊อซอุดเอาไว้ในเต็มในรอยคว้าน ถ้าเปิดผ้าพันจะเห็นเป็นแบบนี้
แต่จริงๆแล้ว นี่คือผ้าก๊อซทั้งหมด
แผ่นที่ 1 และ 2 ถูกสอดเข้าไปใต้ผิวหนัง
วันที่ 5 หลังดึงผ้าก๊อซออกก็จะเริ่มมีเลือดชุ่มๆตามออกมา
วันที่ 6
คุณหมอให้ออกจากโรงพยาบาล เพราะเหลือเพียงการทำแผลให้สะอาดวันละครั้งเท่านั้น
แต่คุณหมอก็สาธิตให้ดู ว่าจะบอกสถานพยาบาลที่ไปทำแผลว่าให้ทำอย่างไร
โดยยกหนัง ขึ้นทั้งสองฝั่ง และย้ำว่า ต้องคว้านสำลีเข้าไปทำความสะอาดทั้งสองฝั่ง
ฝั่งเข่าด้านนอก
ฝั่งเข่าด้านใน
ระหว่างคุณหมอทำให้ดู นี่ก็นั่งดูหนังตัวเองถูกยกไป ไม่รู้ควรทำหน้ายังไง มีอารมณ์ยังไงดี 😂
หลังจากนั้นคือต้องนั่งดูแผลถูกคว้านเพื่อทำความสะอาดทุกๆวัน
เป็นการได้รับยาฆ่าเชื้อที่ยาวนานที่สุดครั้งนึง
สภาพแผลวันที่ 30
ทุกวันที่ผ่านมา คือต้องตอบคำถามคนที่ห่วงใยที่คอยถามไถ่มาตลอดว่า"แผลแห้งแล้วยัง?"
อธิบายด้วยคำพูดยังไงก็ทำให้เห็นเป็นภาพไม่ได้ ว่าไอ้เนื้อแดงๆที่นั่งมองอยู่ทุกวัน มันไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าใกล้หายแม้แต่น้อย 😅
ณ วันนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าอีกนานไหมกับสภาพแบบนี้
วันที่ 32
คุณหมอตัดสินใจลดขนาดพื้นที่ของแผลในส่วนที่สัมผัสอากาศ โดยการดึงริมปากแผลเข้าหากันด้วยด้ายเย็บแผล
แน่นอน ต้องแซะหนังกับเนื้อที่ติดกันแล้วออก เพื่อให้ดึงหนังเข้าหากันได้
ผลข้างเคียงของการดึงหนังเข้าหากัน ทำให้งอเข่าไม่ได้อีกครั้ง
สภาพพัฒนาการแผลที่ถูกเย็บ และถูกเย็บซ้ำ แต่ไม่ได้ลดขนาด จนกระทั่งเกิดสะเก็ดขึ้นบนพื้นที่เปิดของแผล และตัดไหมออกในวันที่ 60
และสภาพแผลที่เชื่อมติดกันแล้วในวันที่ 72
สิ้นสุดสภาพการเป็นผู้ป่วยรักษาแผลติดเชื้อของโรงพยาบาล
เหลือการบำบัดฟื้นฟูการเคลื่อนไหวข้อเข่า เพื่อให้การเคลื่อนไหวเป็นปกติ เหมือนก่อนเกิดเหตุ
บันทึกเอาไว้ เพื่อเป็น case study ที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มาอ่าน
ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ที่ให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเรื่อง
Comments
Post a Comment